วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อันตรายจากการใช้โทรศัพท์ รังสี แสงสีฟ้า แสงสีขาว ทำลายดวงตา สัญญาณเตือน ตาเสื่อม

ไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นปัจจัยที่ 6 ในการดำรงชีวิต ทำงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานส่งผลเสียต่อดวงตาเสื่อมก่อนวัยอันควร
http://sawarosfarm.blogspot.com/2016/12/blog-post.html
สัญญาณอันตราย ดวงตา สายตาเสื่อม
สัญญาณเตือน ตาเสื่อม
© กรุงเทพธุรกิจ สัญญาณเตือน ตาเสื่อม
เภสัชกรหญิงวิชชุลดา ผรณเกียรติ์ กล่าวว่า ดวงตา ถือเป็นอวัยวะที่ละเอียดอ่อน เราจึงต้องดูแลและให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เราต้องใช้ดวงตาในการทำงานมาก ทั้งการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ การที่ดวงตาต้องกระทบแสงแดดโดยตรง การดูโทรทัศน์ในระยะใกล้เกินไป หรือแม้แต่การใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา ก็ล้วนแล้วแต่ทำลายดวงตาของเราด้วยกันทั้งสิ้น

แต่พฤติกรรมการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสายตาของหนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน ซึ่งพบว่าโรค Computer Vision Syndrome หรือ ซีวีเอส กลายเป็นโรคยอดฮิตของคนยุคดิจิทัลไปแล้ว ดังนั้น เราจึงควรหันมาสังเกตดวงตาของเราว่ามีความผิดปกติจากสัญญาณเตือนดวงตาเสื่อมกัน
มีอาการแสบตา เคืองตา คันตา
โดยปกติคนเราจะต้องกระพริบตาอยู่ตลอดเวลา โดยมีอัตราการกระพริบตาประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อเกลี่ยน้ำตาให้คลุมผิวตาให้ทั่ว แต่หากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เรากระพริบตาลดลงกว่า 60% ทำให้ผิวตาแห้ง แสบตา เคืองตา คันตา หากเป็นมากจะเกิดอาการตาแดง ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดเบ้าตา มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตาได้
ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน
มักเกิดกับคนที่ใช้สายตาจ้องมองหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกันโดยเฉลี่ยมากกว่า 3.5 ชั่วโมงขึ้นไป การเพ่งมากจนกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ทำให้ในเริ่มแรกอาจมีอาการคล้ายคนสายตาสั้น ต้องจองมองใกล้ ๆ ต่อมาจะรู้สึกตาพร่ามัว มองเห็นเป็นภาพซ้อน แต่อาการจะดีขึ้นหากได้พักสายตา
เมื่อยตา ตากระตุก
เมื่อดวงตาต้องเพ่งหรือจับจ้องอยู่กับหน้าจอที่มีแสงจ้าหรือแสงสะท้อนเป็นเวลานาน ๆ หรือการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนในห้องที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหนังตาเกร็งตัวจนผิดปกติ อาการเริ่มต้นอาจมีแค่การกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อตาไม่มาก ทำให้กระพริบตาถี่ขึ้นกว่าปกติ หากเป็นมากขึ้นกล้ามเนื้อหนังตาจะเกร็งจนต้องกระพริบตาแรง ๆ
ปวดกระบอกตา การใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ ในการจ้องและเพ่งหน้าจอเกินกว่า 6 ชั่วโมง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดกระบอกตา โดยจะมีอาการปวดบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ไปจนถึงศีรษะ หากยังคงใช้สายตาจ้องมองต่อไป จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น ตามัว วิงเวียน และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้
สัญญาณเตือนต่าง ๆ ของดวงตา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ในระยะยาวเสี่ยงต่อโรคดวงตาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และต้อหินได้ ซึ่งจะส่งผลให้ตาบอดเมื่อสูงอายุได้ ดังนั้น เราจึงควรหันมาให้ความใส่ใจดวงตาของเราตั้งแต่เนิ่น ๆ เริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยอย่าจ้องมองหน้าจออุปกรณ์เป็นเวลานาน ๆ ติดต่อกัน
ควรพักสายตาทุก ๆ 15-20 นาที และปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสม ไม่จ้าจนเกินไป อาจจะเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่หน้าจอเพื่อลดแสงจ้าที่สะท้อนสู่ดวงตา ไม่ควรใช้สมาร์ทโฟนในห้องนอนที่มืดหรือมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ควรเว้นระยะห่างของหน้าจอและสายตาให้เหมาะสมโดยประมาณ 20-30 ซม. และควรวางหน้าจอในมุมที่พอดีกับหน้า อย่าวางหน้าจอต่ำเกินไปหรือสูงเกินไปหลีกเลี่ยงการนอนเล่นสมาร์ทโฟนบนเตียง ที่สำคัญ หนุ่มสาวยุคดิจิทัล ไม่ควรติดแชท ติดเกมบนมือถือจนนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะยังเป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลต่อสุขภาพตาเสื่อมอีกด้วย หากพบความผิดปกติของดวงตา ควรรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์โดยทันที
รังสีต่างๆแสงสีฟ้า อันตรายมากไหม ที่นี่มีคำตอบครับ

https://plus.google.com/+panraphee/posts/jATXVyHvjzf
ทุกๆปัญหาย่อมมีทางออก ให้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีส่วนประกอบสำคัญลูทีนเข้มข้น 90% ช่วยดูแลดวงตาของท่าน สนใจสอบถามผลิตภัณฑ์ Eye Love By หมอพืชอานนท์ 089-6889946,090-9569093 ไลน์ ไอดี : 0896889946 รับสมัครตัวแทนจำหน่ายส่งต่อความรู้สึกดีๆทั่วประเทศครับ

คนที่ควรทาน Eye Love By หมอพืชอานนท์ สมุนไพรดูแลสายตา ดวงตามีค่าสำคัญที่สุด

บุคคลเหล่านี้ที่ควรทาน อาหารเสริมบำรุงดูแลดวงตาของทุกๆท่านเพื่อปกป้องรักษาความเสื่อมที่เกิดขึ้น
1. บุคคลที่มีปัญหาทางสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว
2. บุคคลที่ดวงตามีปัญหา เช่น ต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ต้อเนื้อ กระจกตาเสื่อม วุ้นในตาเสื่อม
3. บุคคลที่สายตากำลังผิดปกติ เช่น ตาฝ้าฟาง ตามัว ตาเบลอ ตาแพ้แสง
4. บุคคลที่มีความเสี่ยงในการดำรงชีวิตประจำวัน
              - ขับรถกลางคืน ใช้สายตามาก หรือ ขับรถเป็นประจำ
              - จ้องโทรศัพท์เป็นเวลานาน ทุกวันนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่พบปัญหามากที่สุด เนื่องจากรังสีจากเครื่องโทรศัพท์รุนแรงและอันตรายอย่างมาก
              - ดูหนัง ดูโทรทัศน์ ที่ใช้แสงน้อย เช่นในโรงหนัง ปิดไฟดูโทรทัศน์
              - ทำงานอ๊อกเชื่อม ทำงานกลางแจ้งท่ามกลางสายแดด
5. บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน ความเครียด
6. บุคคลที่สายตาถูกกระทบจาก สายลม แสงแดด มากจนเกินไป
    แต่ทุกๆปัญหาย่อมมีทางออกครับ..ศูนย์สุขภาพจังหวัดอุบลราชธานี  By หมอพืชอานนท์ ได้นำอาหารเสริมชนิดเข้มเข้นจากสมุนไพรธรรมชาติ สะอาดปลอดภัย มีสารสกัดลูทีนสูงถึง 90% นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาดูแลพี่น้องชาวไทย คุณภาพหลักแสน แต่ราคาหลักร้อย เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดแด่ทุกๆท่าน   
    สมุนไพร Eye Love By หมอพืชอานนท์ สรรพคุณช่วยดูแลป้องกันปัญหาดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นแก่ทุกๆท่านได้ ปลอดภัย 100% ทะเบียน อย.เลขที่ 10-3-07857-1-0015 สนใจผลิตภัณฑ์ : สอบถามโดยตรง หมอพืชอานนท์ 089-6889946,090-9569093 ไลน์ ไอดี 0896889946 
ทุกๆออร์เดอร์ส่งฟรีทั่วประเทศครับ
เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ..รายได้ดี ไม่มีทุนก็สามารถเป็นตัวแทนได้ ขอเพียงมีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ ผมเองก็อยากช่วยเหลือคนที่รู้จักขนขวาย ขยันขันแข็ง เป็นคนดี มีความกตัญญู เพียงแต่ขาดโอกาส ไม่มีทุน บุคคลเหล่านี้ถ้าท่านมั่นใจในตัวเอง ติดต่อเข้ามาได้ครับผม



วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โรคดวงตาเสื่อม ตาต้อ ต้อหิน ประสาทตาเสื่อม วิธีดูแลรักษาดวงตา


ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก..ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับดวงตาย่อมเสมือนกับชีวิตที่มืดบอด หาทางออกไม่เจอ

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปสอบถามโดยตรง : ศูนย์สุขภาพจังหวัดอุบลราชธานี By หมอพืชอานนท์  090-9569093,089-6889946 ไอดี ไลน์ : 0896889946 เปิดรับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

http://sawarosfarm.blogspot.com/2015/11/blog-post_11.html
รู้ทันต้อหิน


โรคต้อหินนับเป็นภัยเงียบที่ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยตาบอดเป็นอันดับ 2 รองจากโรคต้อกระจก เนื่องจากโรคต้อหินจะไม่แสดงสัญญานหรืออาการบ่งชี้ใด ๆ ในช่วงแรจึงอาจทำให้ผู้ป่วยละเลยในการรักษาดูแลสุขภาพของดวงตา
ปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคต้อหินทั่วโลกถึง 70 ล้านคนโดยเกือบ 10 % ของผู้ป่วยหรือประมาณ 6.7 ล้านคน ต้องตาบอดหรือสูญเสียการมองเห็นโดยสิ้นเชิง ในประเทศไทยมีรายงานอุบัติการณ์ของโรคประมาณ 2.5-3.8 % หรือคิดเป็นจำนวนผู้ป่วย ประมาณ 1.7-2.4 ล้านคน การรู้จักและเข้าใจโรคต้อหินรวมถึงผลที่ตามมาจะสามารถช่วยป้องกันและลดอุบัติการณ์ของการสูญเสียการมองเห็นได้
มารู้จักกับโรคต้อหิน
โรคต้อหินเป็นโรคของดวงตาชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากความเสื่อมของประสาทตาซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างตากับสมอง (Optic Nerve) หรือการที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย สาเหตุมักจะเกิดจากความดันสูงในลูกตา ซึ่งมีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเริ่มต้นจากบริเวณรอบนอกก่อน ทำให้ผู้ที่เป็นโรคยังสามารถมองเห็นวัตถุที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนแต่จะมองไม่เห็นวัตถุที่อยู่ทางด้านข้าง และเมื่อเป็นมากขึ้น ลานสายตาก็จะค่อยๆแคบลงตาบอดไปในที่สุดหากไม่ได้รับการรักษา โรคต้อหินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยอัตราการเกิดโรคจะสูงขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
โรคต้อหินเกิดขึ้นได้อย่างไร
ในสภาวะปกติน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา (Aqueous Humor) จะมีการไหลเวียนเข้าและออกจากลูกตาอย่างสมดุลเมื่อเกิดการอุดตันบริเวณทางออกทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาไม่สามารถไหลออกได้ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นซึ่งอาจเป็นไปอย่างช้า ๆ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการปวดตาใด ๆ เลยหรืออาจเพิ่มสูงขึ้นอยบ่างเฉียบพลันจนทำให้มีอาการปวดตาอย่างมากก็ได้แล้วแต่ชนิดของโรคต้อหินและความดันที่สูงขึ้นนี้จะทำให้ประสาทตาเสื่อม
ประเภทของโรคต้อหิน
โรคต้อหินมีหลายชนิดแต่ที่สำคัญมี 2 ชนิด คือโรคต้อหินแบบมุมเปิด (Open-angle glaucoma) และโรคต้อหินแบบมุมปิด (Angle-closure glaucoma)
1. โรคต้อหินแบบมุมเปิด (Open-angle glaucoma) เป็นต้อหินชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากลักษณะการอุดตันที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างช้า ๆ จึงไม่มีอาการเจ็บปวดแต่ประสาทตาจะถูกทำลายไปทีละน้อย การสูญเสียการมองเห็นจะเกิดขึ้นเมื่อเป็นโรคนี้ในระยะเวลานาน และมักเป็นกับตาทั้งสองข้าง
2. โรคต้อหินแบบมุมปิด (Angle-closure glaucoma) โรตต้อหินชนิดนี้พบได้บ่อยในคนเอเชีย ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวและเปลี่ยนตำแหน่งของตาดำ (lris) เข้ามาปิดขวางทางออกของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา โรคต้อหินแบบมุมปิดยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบเรื้อรัง (Chronic angle-closure glaucoma) และแบบเฉียบพลัน (Acute angle-closure glaucoma ) โรคต้อหินมุมปิดแบบเรื้อรังมักไม่มีอาการเพราะการดำเนินของโรคมีลักษณะค่อยๆเป็นไปทีละน้อย การสูญเสียการมองเห็นจะเกิดขึ้นเมื่อเป็นโรคนี้ในระยะเวลานาน โรคต้อหินแบบมุมปิดนี้ถ้าเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดจะเรียกว่าโรคต้อหินชนิดเฉียบพลันและต้องการรับการรักษาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีลักษณะความดันลูกตาสูงขึ้นอย่างทันทีทันใด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาอย่างรุนแรง มองเห็นแสงรัศมีรอบ ๆ ดวงไฟ คลื้นไส้ อาเจียน ปวดศรีษะ และตามัวลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อหินคือผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือได้รับอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา การใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหิน
การวินิจฉัยโรคต้อหิน
• Tonometry เป็นการวินิจฉัยที่ไม่เจ็บเพื่อวัดความดันในลูกตา
• Ophthalmoscopy เป็นการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยให้มองเห็นเส้นประสาทในลูกตา
• Visual Field Testing เป็นการวัดประสิทธิภาพของลานสายตาซึ่งสัมพันธ์กับความเสื่อมของประสาทตา
• Gonioscopy เป็นการตรวจช่องทางการไหลของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา
การรักษาโรคต้อหิน
1. การรักษาโรคต้อหินมีหลายวิธีเช่นการใช้ยาหยอดตาการรับประทานยาการผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์และการผ่าตัดชนิดอื่นๆ เป้าหมายของการรักษาโรคต้อหินคือการลดความดันภายในลูกตาซึ่งจะช่วยลดการทำลายเส้นประสาทตาแต่ไม่สามารถทำให้เส้นประสาทตาที่สูญเสียไปแล้วกลับมามองเห็นดังเดิมได้
2. ยาหยอดตาช่วยลดความดันลูกตาโดยไปลดการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาหรือช่วยเพิ่มอัตราการไหลของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาออกจากตา
3. การผ่าตัดจะเป็นการช่วยลดความดันในลูกตาโดยทำช่องทางให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาไหลออกกว้างขึ้นหรือทำช่องทางใหม่ให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาไหลออกได้ปัจจุบันการใช้ยารักษาต้อหินด้วยยาหยอดตาเป็นวิธีที่ได้ผลดีและเป็นที่นิยมมากที่สุด
http://sawarosfarm.blogspot.com/2015/11/blog-post_11.html
การมีส่วนร่วมในการรักษาโรคต้อหิน
ใช้ยาหยอดตาหรือรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อวัดความดันลูกตาเป็นระยะๆ เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของโรคปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อพบผลข้างเคียงที่เกิดการใช้ยา หัวใจสำคัญในการรักษาโรคต้อหินคือความสม่ำเสมอในการพบแพทย์และความต่อเนื่องในการใช้ยาเพราะเป้าหมายสำคัญของการรักษาคือการถนอมประสาทตาและความสามารถในการมองเห็นเท่าที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
เทคนิคในการหยอดยาให้ถูกวิธี
หยอดยาให้ลงบนเปลือกตาล่างโดยเงยหน้าขึ้นแล้วดึงเปลือกตาล่างลง ระวังอย่าให้ปลายขวดยาโดนลูกตา
หลับตาไว้ประมาณ 1-2 นาที และใช้นิ้วชี้กดเบาๆที่หัวเพื่อไม่ให้ยาไหลออก ถ้าต้องหยอดยามากกว่าหนึ่งขวดให้เว้นระยะเวลาหยอดห่างกันอย่างน้อย 10 นาที
โรคต้อหิน...ภัยเงียบที่ป้องกันได้ แม้ว่าโรคต้อหินจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่การตรวจพบและการรักษาโรคต้อหินตั้งแต่ระยะแรกๆจะช่วยป้องกันการเสื่อมหรือลดการทำลายประสาทตาเพื่อไม่ให้เกิดภาวะตาบอดได้ปัจจุบันนี้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สามารถช่วยวินิจฉัยและควบคุมโรคนี้ได้หากได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์แต่เนิ่น ๆ การไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพดวงตาอย่างน้อยทุกๆปีเพื่อตรวจวัดความดันลูกตาความสามารถในการมองเห็นของตาความผิดปกติของประสาทตาอัตราการไหลเข้าออกของของเหลวในตารวมทั้งการตรวจการทำงานของจอตาสิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อหินรวมถึงโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับดวงตาได้ดีที่สุดหรือหากตรวจพบความผิดปกติก็ทำให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที การรู้จักและเข้าใจโรคต้อหินรวมถึงผลที่ตามมาจะสามารถช่วยป้องกันและลดอุบัติการณ์ของการสูญเสียการมองเห็นได้

http://sawarosfarm.blogspot.com/2015/11/blog-post_11.html

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โรคต้อเนื้อ ต้อหิน ต้อลม ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม วุ้นในตาเสื่อม มีทางแก้ไข

ดวงตาของมนุษย์เรา นับเป็นอวัยวะที่สำคัญและจำเป็นมากที่สุด หากขาดการมองเห็นหรือดวงตาเกิดปัญหา ย่อมกระทบกับเซลล์ประสาทหลายๆส่วนในร่างกาย จนก่อให้เกิดปัญหาของโรคต่างๆที่ตามมาอีกหลายชนิด เพราะฉนั้นการบำรุง ดูแล ป้องกัน รักษาดวงตาจึงมีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งดวงตาเองก็ต้องการสารอาหารไปบำรุง ดูแล หล่อเลี้ยง เช่นกันกับส่วนอื่นๆของร่างกาย โดยเฉพาะ ลูทีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดวงตาต้องการมากที่สุด ลูทีนเป็นตัวช่วยในการปกป้องจอภาพตา-จอประสาทตา ชะลออาการจอประสาทตาเสื่อม ลูทีน เป็นสารสำคัญในดวงตา การได้รับลูทีนที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

คุณประโยชน์ของ Eye Love By หมอพืชอานนท์ ซึ่งมีสารสกัดลูทีนมากถึง 90% เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัย 100%
1.เป็นเสมือนแว่นตากันแดด ช่วยกรองแสงสีฟ้า และ ปกป้องเรติน่าจากรังสีชนิดต่างๆทุกชนิด
2.ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือ จอประสาทตาเสื่อม AMD (Age-Related Macular Degeneration)
3.ช่วยป้องกัน และลดอาการของโรคต้อกระจก(Cataracts) ต้อหิน ต้อลม ต้อเนื้อ
4.ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ(Free radical) ที่ทำลายเซลล์ตา ทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา
5.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดวงตาแข็งแรงเพื่อป้องกัน จอประสาทตาเสื่อม
6.ช่วยเสริมสร้างการมองเห็น โดยช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตาที่จุดเล็กๆ ตรงกลางของจุดรับแสงในตา(Ratina)   อันเป็นส่วนสำคัญของ Main Pigment(สี) ในฉากรับแสงของตา จะช่วยป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ทำลายเรติน่าของดวงตา
7.บำรุงระบบการไหลเวียนของผนังหลอดเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย ช่วยลดอาการอุดตันของหลอดเลือดบริเวณดวงตา
8.เมื่อดวงตาโดนแสงสว่างที่จ้าๆ ดวงตาจะกลับมาเห็นเป็นปกติได้เร็วขึ้น
9.ช่วยลดการกระจายตัวของแสง
10.ช่วยเพิ่มคุณภาพในการมองเห็น
11.เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดี ในที่มืดและในกลางแจ้ง
12.ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง  
13. ช่วยให้ดวงตาให้สดใส เป็นประกาย บำรุงดวงตาให้ขาวใสไม่เหลืองขุ่น เส้นเลือดในตาไม่ปูด
 14.ลดอาการเเสบตา ตาอักเสบ ปวดเบ้าตา บำรุงดวงตา อาการดวงตาสู้เเสงไม่ได้
 15. ช่วยบรรเทาอาการเเสบตา เเละทำให้รับเเสงได้ดีขึ้น ลดอาการตามัว ตาล้า ภาพเบลอ มองเห็นไม่ชัดเจน
 16. บำรุงดวงตาที่ถูกใช้งานหนักจนเกิดอาการดังกล่าวเเบบถาวร
http://sawarosfarm.blogspot.com/2015/11/blog-post.html

ใครบ้างที่ควรรับประทาน Eye Love By หมอพืชอานนท์
    - ผู้ที่เริ่มมีความเสื่อมของสายตา เห็นภาพไม่ชัดเจน ตาพร่างมัว
    - ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม
    - ผู้ที่ใช้สายตามาก ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
    - เด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน และเล่นเกม
    - ผู้ที่อยู่กับแสงสว่างจ้า กลางแดด และผู้ที่ขับรถกลางคืนบ่อยๆ
    - ผู้ที่โดนแฟลชถ่ายรูปบ่อ่ยๆ ดูทีวีมากๆ นานๆ และอ่านหนังสือมาก
    - ผู้สูงอายุ / ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งเต้านม
    - ผู้ที่ต้องการบำรุงสายตา เพื่อป้องกันจอประสาทตาเสื่อม
     - ผู้ที่ต้องการให้ดวงตาสดสวยและสดใส เป็นประกายอยู่เสมอ
     - ช่วยให้ดวงตาให้สดใส เป็นประกาย บำรุงดวงตาให้ขาวใสไม่เหลืองขุ่น เส้นเลือดในตาไม่ปูด
     - ลดอาการเเสบตา ตาอักเสบ ปวดเบ้าตา บำรุงดวงตา อาการดวงตาสู้เเสงไม่ได้
     - ช่วยบรรเทาอาการเเสบตา เเละทำให้รับเเสงได้ดีขึ้น ลดอาการตามัว ตาล้า ภาพเบลอ มองเห็นไม่ชัดเจน
     - บำรุงดวงตาที่ถูกใช้งานหนักจนเกิดอาการดังกล่าวเเบบถาวร
Eye Love By หมอพืชอานนท์ ​ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงดวงตา จากประเทศ ญี่ปุ่น
​       Eye Love By หมอพืชอานนท์ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงดวงตา ลูทีนซอฟท์เจล สูตรธรรมชาติความเข้มข้น 90% จากประเทศญี่ปุ่น ช่วยบำรุงดวงตาให้มีความสดใส เปล่งประกาย ไม่ขุ่นมัว เเละเสื่อมสภาพ เนื่องจากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ต่อการใช้เเละดูเเล ทดเเทนส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งมีผลการใช้ที่ยืนยันโดยผู้ใช้ดังต่อไปนี้
- ช่วยให้มองภาพได้คมชัด และเห็นลายละเอียดของภาพดีขึ้น
- ช่วยให้ดวงตาสดใสเป็นประกาย เส้นเลือดเเดงที่ปูดบริเวณตาขาวลดลง
​- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม
- ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงดวงตา
- เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ดวงตา ทำให้เซลล์แข็งแรง
- ลดกลไกการเกิด Plague ในผนังของเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมอง
- สามารถบำรุงสมอง เพื่อสร้างสารสื่อประสาท ป้องกันโรคสมองเสื่อม
สอบถามผลิตภัณฑ์  Eye Love By หมอพืชอานนท์ โดยตรงได้ที่ 089-6889946 , 090-9569093 ไลน์ ไอดี : 0896889946
http://sawarosfarm.blogspot.com/2015/11/blog-post.html